วันศุกร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2558

Week 4

โปรแกรมภาษาคอมพิวเตอร์

สวัสดีครับนี่ก็เป็นสัปดาห์ที่ 4 แล้วในการเขียนเว็บบล็อกซึ่งสัปดาห์ผมจะพาไปทำความรู้จัก Java

Java คืออะไร ???

            Java เป็นโปรแกรมภาษาที่ถูกพัฒนามาเพื่อรองรับการออกแบบซอฟแวร์ที่มีการเชื่อมโยง Internet อีกทั้งยังเป็นโปรแกรมที่สนับสนุนแนวความคิดของการเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุ หรือที่รู้จักกันดีที่เรียกว่า OOP (Object-Oriented Programming) โดยมีความสามารถเฉพาะตัวต่างจากโปรแกรมภาษาชั้นสูง อื่น ๆ เช่น หรือ C++ ในเรื่องของการทำงานข้ามระบบปฏิบัติการ หรือ Platform ได้โดยไม่ต้องมีการ compile ใหม่

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ java\

การจัดประเภทของ Java


โปรแกรมที่ถูกพัฒนาด้วยภาษา Java ถูกแบ่งเป็นสองประเภทหลัก ๆ คือ
1.Java Application – โปรแกรม Java ทั่ว ๆ ไป ที่ทำงานได้ด้วยตัวของมันเอง (Stand Alone Application)
2.Java Applet – โปรแกรม Java ที่ถูกนำไปใช้บน Internet เท่านั้น


ลำดับขั้นการพัฒนากว่าจะมาเป็น Java


            โดยเริ่มแรกในการวิจัยพัฒนาโปรแกรมภาษาดังกล่าว C++ ถูกเลือกใช้ให้เป็นภาษาหลักในการพัฒนา เนื่องจากมีความเป็น OOP อยู่แล้วในตัว แต่แล้วกลุ่มนักวิจัยก็พบว่า C++ มีปัญหาและความไม่เหมาะสมต่าง ๆ มากมาย อาทิเช่น เรื่องของหน่วยความจำที่อาจจะมีเพียงน้อยนิด หรือ ไม่มีเลยในกลุ่มของอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก ไม่พอกับที่ C++ ต้องการ, เรื่องของระบบปฏิบัติการที่ไม่มีในเครื่องใช้เหล่านี้ หรือไม่ว่าจะเป็นความไม่รัดกุมของภาษาเอง ดังนั้นหนึ่งในกลุ่มนักวิจัย James Gosling ได้คิดค้นภาษาใหม่ขึ้นมาเพื่อใช้สำหรับการพัฒนาครั้งนี้โดยเฉพาะ ซึ่งมีความเป็น OOP, ไม่ขึ้นกับระบบปฏิบัติการ และมีการจัดการเรื่องของหน่วยความจำได้ดี เหมาะสมสำหรับการวิจัยครั้งนี้แล้วให้ชื่อว่า OAK
ภายหลังจากการพัฒนาภาษา OAK ได้สำเร็จ บริษัท Sun ได้นำไปใช้กับบริษัทลูกค้าที่ต้องการพัฒนา Interactive TV ซึ่งเป็นการติดตั้งโปรแกรมลงไปที่กล่องสัญญาณ แล้วต่อพ่วงไปยัง TV เพื่อใช้เป็นตัวควบคุม และติดต่อกับผู้ใช้ แต่โครงการนี้ได้ยุบไปก่อนที่จะพัฒนาสำเร็จ OAK จึงไม่ได้เป็นที่แพร่หลาย OAK จึงถูกเก็บเอาไว้ในคลังการวิจัยของ Sun
            ต่อมาไม่นาน เมื่อการ Internet และ HTML มีการพัฒนา และเป็นที่นิยมมากขึ้น Sun จึงเล็งการไกลถึงการพัฒนา Internet Application ก็เลยนำ OAK ขึ้นมาแก้ไขปรับปรุงให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันอีกครั้ง แล้วเปลี่ยนชื่อเสียใหม่เป็น Java ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ java


Java ในปัจจุบัน


ปัจจุบัน Java มีการพัฒนาออกมารวม ๆ แล้ว เวอร์ชันหลัก ๆ ด้วยกันดังนี้
Java 1.0 – เวอร์ชันแรกที่ยังคงสนับสนุนโดย Browser ทั่วไป
Java 1.1 – ถูกพัฒนาเพิ่มเติมในเรื่องของ หน้าจอ และ event handling
Java 2 – ล่าสุดที่ออกเวอร์ชันเป็นทดสอบในนาม Java 1.2 และ เสร็จสมบูรณ์ในปี 1998

ทำไมต้องเลือก Java ???

ทำงานอิสระ (Platform Independent)


            มีผู้กล่าวไว้ว่า Java เกิดมาเพื่อการทำงานบน WWW นั่นหมายความว่า Browser จะทำการ download โปรแกรมจาวาจาก server มาทำงานบนโดยตรงอยู่บนเครื่องของผู้เรียกเว็บเพ็จได้เลย โดยไม่คำนึงว่า ระบบปฏิบัติการของผู้ใช้ จะเป็นระบบเดียวกันกับ server ที่ใช้ compile จาวาหรือไม่

ทั้งนี้ ข้อดีของการ Download โปรแกรมมาใช้งานบนเครื่องของผู้ใช้ก็คือ สามารถลดเวลาในการโหลดโปรแกรมมาจาก server ทุกครั้งที่มีการสั่งการ หรือ Interactive ระหว่างผู้ใช้กับโปรแกรมจาวา จึงเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับโปรแกรมจาวาบน Internetเป็นอย่างมาก

ความง่ายของตัวภาษา


          หลักไวยากรณ์ของ Java มีความคล้ายคลึงกับภาษา และ C++ เป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงไม่เหมือนกับภาษาใหม่อื่น ๆ ที่ต้องมาเริ่มศึกษาไวยากรณ์กันทั้งหมด อีกทั้งยังตัดความยากหรือความซับซ้อนต่าง ๆ ของภาษา C และ C++ ออกไป โดยใช้หลักการของ Object-Oriented Programming มาแทนที่มากขึ้น จึงทำให้การพัฒนาในเรื่องของหน้าจอ (Interface) ไม่ใช่เรื่องที่ยาก (จะเห็นจากการนำจาวามาพัฒนาในเรื่องของ Animation และ อื่น ๆ ซึ่งจะกล่าวในบทถัด ๆ ไป)

ความปลอดภัย (Security)


            นั่นคือ เมื่อต้องมีการถูก Download ไปใช้อยู่ในที่ต่าง ๆ ภาษาจาวาจึงมีการกำหนดข้อจำกัดบางอย่างขึ้น เพื่อไม่ให้การรันโปรแกรมนั้น ๆ ไปก่อให้เกิดความเสียหายบนเครื่องของผู้ใช้ได้ ดังนั้นจึงสามารถลืมบรรดา Hacker ทั้งหลายที่รักการเขียนโปรแกรมก่อกวนไปได้ในระดับหนึ่ง

ข้อดีของ ภาษา Java

– ภาษา Java เป็นภาษาที่สนับสนุนการเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุแบบสมบูรณ์ ซึ่งเหมาะสำหรับพัฒนาระบบที่มีความซับซ้อน การพัฒนาโปรแกรมแบบวัตถุจะช่วยให้เราสามารถใช้คำหรือชื่อ ต่าง ๆ ที่มีอยู่ในระบบงานนั้นมาใช้ในการออกแบบโปรแกรมได้ ทำให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น
– โปรแกรมที่เขียนขึ้นโดยใช้ภาษา Java จะมีความสามารถทำงานได้ในระบบปฏิบัติการที่แตกต่างกัน ไม่จําเป็นต้องดัดแปลงแก้ไขโปรแกรม เช่น หากเขียนโปรแกรมบนเครื่อง Sun โปรแกรมนั้นก็สามารถถูก compile และ run บนเครื่องพีซีธรรมดาได้
-ภาษาจาวามีการตรวจสอบข้อผิดพลาดทั้งตอน compile time และ runtime ทำให้ลดข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นในโปรแกรม และช่วยให้ debug โปรแกรมได้ง่าย
– ภาษาจาวามีความซับซ้อนน้อยกว่าภาษา C++ เมื่อเปรียบเทียบ code ของโปรแกรมที่เขียนขึ้นโดยภาษา Java กับ C++ พบว่า โปรแกรมที่เขียนโดยภาษา Java จะมีจํานวน code น้อยกว่าโปรแกรมที่เขียนโดยภาษา C++ ทำให้ใช้งานได้ง่ายกว่าและลดความผิดพลาดได้มากขึ้น
– ภาษาจาวาถูกออกแบบมาให้มีความปลอดภัยสูงตั้งแต่แรก ทำให้โปรแกรมที่เขียนขึ้นด้วยจาวามีความปลอดภัยมากกว่าโปรแกรมที่เขียนขึ้น ด้วยภาษาอื่น เพราะ Java มี security ทั้ง low level และ high level ได้แก่ electronic signature, public andprivate key management, access control และ certificatesของ
-มี IDE, application server, และ library ต่าง ๆ มากมายสำหรับจาวาที่เราสามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ทำให้เราสามารถลดค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียไปกับการซื้อ tool และ s/w ต่าง ๆ


ข้อเสียของ ภาษา Java

-ทำงานได้ช้ากว่า native code (โปรแกรมที่ compile ให้อยู่ในรูปของภาษาเครื่อง) หรือโปรแกรมที่เขียนขึ้นด้วยภาษาอื่น อย่างเช่น C หรือ C++ ทั้งนี้ก็เพราะว่าโปรแกรมที่เขียนขึ้นด้วยภาษาจาวาจะถูกแปลงเป็นภาษากลาง ก่อน แล้วเมื่อโปรแกรมทำงานคำสั่งของภาษากลางนี้จะถูกเปลี่ยนเป็นภาษาเครื่องอีก ทีหนึ่ง ทีล่ะคำสั่ง (หรือกลุ่มของคำสั่ง) ณ runtime ทำให้ทำงานช้ากว่า native code ซึ่งอยู่ในรูปของภาษาเครื่องแล้วตั้งแต่ compile โปรแกรมที่ต้องการความเร็วในการทำงานจึงไม่นิยมเขียนด้วยจาวา
-tool ที่มีในการใช้พัฒนาโปรแกรมจาวามักไม่ค่อยเก่ง ทำให้หลายอย่างโปรแกรมเมอร์จะต้องเป็นคนทำเอง ทำให้ต้องเสียเวลาทำงานในส่วนที่ tool ทำไม่ได้ ถ้าเราดู tool ของ MS จะใช้งานได้ง่ายกว่า และพัฒนาได้เร็วกว่า (แต่เราต้องซื้อ tool ของ MS และก็ต้องรันบน platform ของ MS)


ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://nwannika.tripod.com/java/Chapter1.htm


ขอขอบคุณรูปภาพจาก https://blog.newrelic.comhttp://codecondo.com/learn-java-programming-10-ways/




วันจันทร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2558

Week 3

สวัสดีครับสัปดาห์นี้ก็เป็นสัปดาห์ที่สามของเว็บบล็อกของผมนะครับสัปดาห์ผมจะเขียนเกี่ยวกับ Social Network นะครับแต่จะเกี่ยวยังไงมาชมกันเลยครับ

Social Network กับนักเรียนและสังคมไทยมีอย่างไร???



อิทธิพล  Social Network  ต่อสังคมไทย
       เนื่องจากการใช้งานอินเตอร์เนตที่คนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้อย่างง่ายมากและการใช้งานอีเมล์ในการรับส่งข้อมูลกันอย่างแพร่หลายเพิ่มมากยิ่งขึ้นทำให้เกิดการสร้างกลุ่มของคนที่สนใจในเรื่องๆเดียวกันได้เริ่มมีการสร้างเวปไซต์ที่ตอบสนองความต้องการเฉพาะกลุ่




ประเภทของ Social Network
1.Identity Network เผยแพร่ตัวตน เช่น Myspace.com ,Hi5 ,Facebook เป็นต้น ใช้สำหรับนำเสนอตัวตน และเผยแพร่เรื่องราวของตนเองทางอินเตอร์เน็ท รวมถึงการสร้างกลุ่มเพื่อน เป็นกลุ่ม ๆ บนเครือข่าย
   การใช้ประโยชน์จาก Social Network กับระบบการศึกษาไทย มีความจริงอยู่เรื่องนึงที่เป็นปัญหากับระบอบการศึกษาไทยมาเป็นเวลาช้านาน (เป็น Thailand Only อย่างนึง) แล้วก็คือ เด็กไทยไม่กล้าถาม ไม่กล้าแสดงความคิดเห็น (แต่กล้าทวีต) ถ้าเป็นอย่างนั้นคิดว่าน่าจะมีการทดลองนำเอา Twitter มาประยุกต์กับระบบการศึกษาของไทยคงจะดีไม่น้อย หรือการใช้ Social Network เป็นเครื่องมือในการส่งเสริมการเรียนรู้ให้เด็กไทย       บริษัทต่าง ๆ เริ่มหันมาใช้ Blog ในการประชาสัมพันธ์สินค้าและบริหารมากขึ้น เนื่องจากจัดการใช้งาน และอัพเดทให้ทันสมัยได้ง่าย อีกทั้งยังเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ดี เพราะ Blog ส่วนใหญ่จะสำรวจและแยกประเภทความสนใจของสมาชิกอยู่แล้ว นอกจากนี้ยังมีค่าใช้จ่ายที่ถูก และสามารถติดต่อสื่อสารระหว่างบริษัทกับลูกค้าผ่านข้อความแสดงความคิดเห็นได้อีกด้วย





 2.Creative Network เผยแพร่ผลงาน เช่น YouTube ,Flickr  สามารถนำเสนอผลงานของตัวเองได้ในรูปแบบของวีดีโอ ภาพ หรือเสียงเพลง 3.Interested Network ความสนใจตรงกัน เช่น del.icio.us เป็น Online Bookmarking หรือ  Social Bookmarking โดยเป็นการ บุ๊คมาร์ค เว็บที่เราสนใจไว้บนอินเทอร์เน็ตสามารถแบ่งปันให้คนอื่นดูได้และยัง สามารถบอกความนิยมของเว็บไซต์ต่าง ๆ ได้ 4.Collaboration Network ร่วมกันทำงาน คือเป็นการร่วมกันพัฒนาซอฟต์แวร์หรือส่วนต่าง ๆ ของซอฟต์แวร์ เช่น Google 5.Gaming/Virtual Reality โลกเหมือน เช่น Second.life


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ social network
ข้อดีของ Social Network
1.สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้ในสิ่งที่สนใจร่วมกันได้
2.เป็นคลังข้อมูลความรู้ขนาดย่อมเพราะเราสามารถเสนอและแสดงความคิดเห็น แลกเปลี่ยนความรู้ หรือตั้งคำถามในเรื่องต่างๆ เพื่อให้บุคคลอื่นที่สนใจหรือมีคำตอบได้ช่วยกันตอบ
3.ประหยัดค่าใช้จ่ายในการติดต่อสื่อสารกับคนอื่น สะดวกและรวดเร็ว
4.เป็นสื่อในการนำเสนอผลงานของตัวเอง เช่น งานเขียน รูปภาพ วีดิโอต่างๆ เพื่อให้ผู้อื่นได้เข้ามารับชมและแสดงความคิดเห็น
5.ใช้เป็นสื่อในการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ หรือบริการลูกค้าสำหรับบริษัทและองค์กรต่างๆ ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้า
6.ช่วยสร้างผลงานและรายได้ให้แก่ผู้ใช้งาน เกิดการจ้างงานแบบใหม่ๆ ขึ้น
7.คลายเคลียดได้สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการหาเพื่อนคุยเล่นสนุกๆ
8.สร้างความสัมพันธ์ที่ดีจากเพื่อนสู่เพื่อนได้


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ social network

ข้อเสียของ Social Network
1.เว็บไซต์ให้บริการบางแห่งอาจจะเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวมากเกินไป หากผู้ใช้บริการไม่ระมัดระวังในการกรอกข้อมูล อาจถูกผู้ไม่หวังดีนำมาใช้ในทางเสียหาย หรือละเมิดสิทธิส่วนบุคคลได้
2.Social Network เป็นสังคมออนไลน์ที่กว้าง หากผู้ใช้รู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือขาดวิจารณญาณ อาจโดนหลอกลวงผ่านอินเทอร์เน็ต หรือการนัดเจอกันเพื่อจุดประสงค์ร้าย ตามที่เป็นข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์
3.เป็นช่องทางในการถูกละเมิดลิขสิทธิ์ ขโมยผลงาน หรือถูกแอบอ้าง เพราะ Social Network Service เป็นสื่อในการเผยแพร่ผลงาน รูปภาพต่างๆ ของเราให้บุคคลอื่นได้ดูและแสดงความคิดเห็น
4.ข้อมูลที่ต้องกรอกเพื่อสมัครสมาชิกและแสดงบนเว็บไซต์ในรูปแบบ Social Network ยากแก่การตรวจสอบว่าจริงหรือไม่ ดังนั้นอาจเกิดปัญหาเกี่ยวกับเว็บไซต์ที่กำหนดอายุการสมัครสมาชิก หรือการถูกหลอกโดยบุคคลที่ไม่มีตัวตนได้
5.ผู้ใช้ที่เล่น social  network และอยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานอาจสายตาเสียได้หรือบางคนอาจตาบอดได้      
6.ถ้าผู้ใช้หมกหมุ่นอยู่กับ social  network มากเกินไปอาจทำให้เสียการเรียนหรือผลการเรียนตกต่ำลงได้
7.จะทำให้เสียเวลาถ้าผู้ใช้ใช้อย่างไร้ประโยชน์

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ social network


ขอบคุณรูปภาพและข้อมูลจาก 
http://videohive.nethttp://mashable.comhttp://www.cmswire.comhttp://thumbsup.in.thhttps://sites.google.comhttp://www.evolllution.com
http://www.thaigoodview.com/library/contest2553/type1/tech03/26/benefit.html


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ social network

วันพฤหัสบดีที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2558

Week 2

สวัสดีครับนี่ก็เป็นสัปดาห์ที่สองในการเขียนบล็อกของผม ซึ่งในสัปดาห์นี้ผมจะเขียนเกี่ยวกับเกมที่ผมสนใจโดยจะแนะนำระบบต่างๆให้ดูครับไปชมกันเลย

เรื่องราวที่นักเรียนสนใจ
Review เกม Lost Ark Online

Lost Ark Online [อาชีพ / ระบบ]
Lost-Ark-logo

Lost Ark Online
ประเภท Action RPG
เครื่อง PC
ผลิตโดย Smilegate , Tripod Studio
Close Beta NA

เกมส์เทพแนวเดินหน้าอัดกระจาย ระดมคอมโบสุดอลังการ กวาดศัตรูที่ดาหน้าเข้ามาแบบเต็มฉากให้ตายเรียบในพริบตา ในมุมมองแบบ Isometric

Lost-Ark-01

Lost Ark Online คืออะไร ???
ผลงานเกมส์สุดอลังการจากค่าย SmileGate ที่เคยฝากผลงานคุณภาพไว้กับเกมส์ชูตติ้งออนไล์ชื่อ Cross Fire หลังจากนั้นได้เริ่มผลงานใหม่ในชื่อ Project T และได้ชื่ออย่างเป็นทางการว่า Lost Ark ที่เป็นเกมส์ในรูปแบบ Hack & Slash เดินหน้าฟันแหลกด้วยมุมกล้องแบบ Isometric มุมมองจากด้านบนมองเห็นฉากกว้างๆและตัวศัตรูที่ดาหน้าเข้ามาให้เราใช้การโจมตีสุดอลังการ กวาดให้ตายเรียบด้วยคอมโบหลากหลายรูปแบบ ตัวเกมส์พัฒนาโดยใช้ Unreal Engine 3 ที่รับรองความสวยงามทั้งฉากที่อลังการและตัวละครที่สมจริง ตัวเกมส์ใช้เวลาพัฒนามาแล้วกว่า 3 ปี และคาดว่าจะเปิดให้เล่นกันภายในปี 2015 นี้

Lost-Ark-03



อาชืพตัวละคร Class Choices
ตัวละครในลอสอาร์คจะมีให้เลือกทั้งหมด 18 อาชีพ ที่เปิดเผยมาแล้วมีดังนี้

Battle Master
จอมยุทธ ผู้ใช้ศิลปะป้องกันดัวด้วยมือเปล่า ต่อยเตะคอมโบที่รวดเร็วรุนแรง

Lost-Ark-10
Lost-Ark-41 



Devil Hunter
นักล่าผูใช้ปืนพลังเวทย์ รวบรวมพลังสร้างกระสุนหลากหลายรูปแบบจัดการศัตรูยกกลุ่ม

Lost-Ark-04Lost-Ark-39



Arcana
นักรบชุดเกราะสุดแกร่ง มีพลังป้องกันที่สามารถรับการโจมตีจากศัตรูจำนวนมากแล้วระเบิดพลังสังหาร
Lost-Ark-06
Lost-Ark-35



Warlord
จ้าวแห่งศาสตร์มืด ผู้ใช้คำสาบกระจายทั่วบริเวณ ก่อกวนศัตรูพร้อมโจมตีไปพร้อมกัน
Lost-Ark-05
Lost-Ark-37



Infighter
นักสู้จอมพลัง เน้นการโจมตีในระยะประชิดที่รุนแรงระเบิดศัตรูเป็นวงกว้าง อัดยักษ์จนร่างแตกสลาย
Lost-Ark-07
Lost-Ark-33



Summoner
ผู้อัญเชิญอสูรรับใช้หลากหลายชนิด สร้างพลังโจมตีธาตุ ที่รุนแรงและสวยงามอลังการกินบริเวณกว้าง
Lost-Ark-08Lost-Ark-31



Berserker
นักดาบทะลวงฟัน บุกไปข้างหน้าด้วยเพลงดาบที่ดุดัน กวาดศัตรูจำนวนมากให้ลงไปกองเป็นซากเกลื่อนพื้น
Lost-Ark-09
Lost-Ark-29



ระบบคอมโบ Tripod System
Lost-Ark-28
ท่าโจมตีจะแบ่งเป็น 3 ระดับ สามารถใช้งานเรียงต่อเนื่องจากระดับ 1 > 2 > 3 สลับท่าไปมาจนกลายเป็นคอมโบที่หลากหลาย กวาดศัตรูจำนวนมากทั่วฉากได้อย่างรวดเร็วสะใจ



ระบบอื่นๆภายในเกมส์

Life Skills
นอกจากการต่อสู้สุดมันแล้ว ตัวเกมส์ยังบรรจุระบบการดำเนินชีวิตภายในเกมส์ไว้อีกหลายรูปแบบ เพื่อให้ผู้เล่นได้ค้นหาไอเทม วัตถุดิบใหม่สำหรับมาพัฒนาตัวละครให้เก่งขึ้น

Lost-Ark-24
Lost-Ark-23
Lost-Ark-25
Lost-Ark-22



Mini Game
ตัวเกมส์ย่อยๆ สำหรับเล่นเปลี่ยนบรรยากาศ ยังถูกบรรจุเข้ามาอีกเยอะพอสมควร ที่เมื่อเข้าเล่นมินิเกมส์แล้วเหมือนกับได้เปลี่ยนไปเล่นอีกเกมส์หนึ่งเลย แถมไม่ใช่แค่เอาไว้เล่นฆ่าเวลา เพราะมินิเกมส์พวกนี้ได้ใส่รายละเอียดให้ผู้เล่นได้พัฒนาทักษะอีกเยอะพอสมควร

Lost-Ark-12
Lost-Ark-13



Boss Dungeon
ระบบรุมบอสใหญ่สุดมัน ที่ไม่ใช่แค่การระดมท่าอัดใส่บอสในตอนจบเท่านั้น แต่ตัวเกมส์ในบางฉาก บอสใหญ่จะออกมาต้อนรับผู้เล่นตั้งแต่เริ่มต้นฉาก คอยมาก่อกวนผู้เล่นในระหว่างฝ่าด่านดันเจี้ยน และต่อสู้กันเต็มๆในตอนท้าย และในระหว่างต่อสู้อาจจะมี Gameplay พิเศษสำหรับใช้จัดการปราบบอสตัวนั้น เช่น ยิงปืนฉมวกตรึงร่างบอสให้อยู่กับที่ หรือเปิดกับดักสังหารที่รุนแรงสร้างความเสียหายให้กับบอสอย่างรุนแรง สร้างความตื่นเต้นให้กับผู้เล่นมากยิ่งขึ้น

Lost-Ark-17
Lost-Ark-16
Lost-Ark-14 
Lost-Ark-15



PVP Arena
เมื่อพัฒนาตัวละครจนเก่งสมใจแล้ว ก็สามารถมาวัดฝีมือกับผู้เล่นอื่นได้ที่ “อารีน่า” ต่อสู้กันแบบ 1-1 หรือแบบยกพวกตีกัน และด้วยระบบเกมส์ที่เน้นการทำคอมโบอย่างรวดเร็ว จึงรับรองความมันในการ PVP แน่นอน ใครที่พลาดโดนคอมโบเข้าก็อาจจะรับดาเมจรัวๆจนตายเลยก็ได้

Lost-Ark-18



Open World System
การเดินทางไปในฉากต่างๆภายในเกมส์จะเป็นรูปแบบ Open World ที่ตัวละครสามารถเดินทางไปได้ทุกที่โดยไม่มีการโหลดข้ามฉาก ผู้เล่นสามารถวิ่งไปจุดต่างๆ เลือกทำเควสหลัก เควสรอง ต่อสู้เก็บเลเวลได้แบบไหลลื่น พบปะกับผู้เล่นคนอื่นทั่วบริเวณแบบไม่ต้องแยกห้องกันเล่น แม้แต่การเดินทางข้ามเมืองก็ทำได้ไหลลื่นโดยให้ผู้เล่นขึ้นไปบนเรือเดินทางผ่านทะเลไปยังเมืองอื่นหรือจะเลือกไปลุยในดันเจี้ยนก็ได้


Lost-Ark-26
Lost-Ark-27
Lost-Ark-11
Lost-Ark-19
Lost-Ark-20
Lost-Ark-21


ปัจจุบันตัวเกมได้เปิดในเซิฟ KR แต่ยังไม่มีกำหนดเข้าไทย

ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจากhttp://www.metalbridges.com